th
th
นายไพฑูรย์ ทวีผล

ประธานคณะกรรมการบริษัท

ตั้งแต่ บมจ. เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเริ่มขายหุ้นต่อประชาชน ทั่วไป (IPO) ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นวันแรก

ในระหว่างนั้นเศรษฐกิจของประเทศ อยู่ในภาวะชะลอตัวตามลําดับ GDP ลดลงจาก 3.3-3.8 มาเป็น 2.6 ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวบริษัทได้ เปิดร้าน Street Food ซึ่งเป็น trend ในขณะนี้ ภายใต้ชื่อ “เขียง” เป็นอาหารตามสั่ง เช่น ผัดกะเพรา หมู ไก่ เนื้อ เป็นต้น ซึ่งคนไทยคุ้นเคยและเข้าถึงได้ทุกระดับรายได้โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 49 บาท บริษัทได้เร่งขยายร้าน โดยเปิดทั้งหมด 48 ร้านในปี 2562

ผลประกอบการของบริษัทในปี 2562 ที่ดําเนินการภายใต้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว คนขาดกําลังซื้อ ประชาชนไม่มีความเชื่อมั่นในเรื่องรายได้ จึงไม่จับจ่ายใช้สอยและระมัดระวังการใช้จ่ายด้านอาหารถึงแม้จะเป็น ปัจจัย 4 อย่างไรก็ตามบริษัทยังมีการเติบโตโดยมี TSSS เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 6 ในปี 2562 และผลจากการ ที่ประชาชนไม่จับจ่ายใช้สอยมีผลให้ SSSG ของบริษัท ลดลงในอัตราร้อยละ 4.7 ส่งผลให้กําไรของปี 2562 ก็ลดลงจากปีที่ผ่านมา โดยลดลงในอัตราร้อยละ 28 ในปีนี้บริษัทได้เปิดสาขาเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วอีก 100 สาขา คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 133 แต่อย่างไรก็ตามนโยบายการเปิดสาขายังคงมีอยู่ต่อไปและจะเปิดเพิ่ม มากขึ้น ในปีต่อๆ ไป อีกทั้งบริษัทได้เพิ่มช่องทางการขายใหม่ๆ โดยขายน้าปลาร้า และน้ำจิ้มแจ่วบอง ผ่านโมเดิ้ลเทรด ทําให้ยอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 293 ยอดขาย Delivery ก็เพิ่มขึ้นร้อยละ 656 ซึ่งในทุกธุรกิจมีรายได้เติบโต อย่างต่อเนื่อง ทั้งธุรกิจ ร้านอาหาร ธุรกิจแฟรนส์ไชส์ และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เช่น ฟู้ดเดลิเวอรี่ และค้าปลีก โดยขยายไปหลายๆ แบรนด์และหลายธุรกิจเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงของบริษัท

นายบุญยง ตันสกุล

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

บริษัทประกอบธุรกิจโดยคํานึงถึงหลักธรรมาภิบาลที่ดี มีการประเมินความเสี่ยงทางธุรกิจเพื่อที่ บริษัทจะสามารถป้องกัน ความเสี่ยงที่มีผลต่อธุรกิจโดยรวม และให้ความสําคัญกับการต่อต้านการทุจริตฯ ทั้งบริษัทและบริษัทย่อย โดยบริษัทได้รับการรับรองฐานะสมาชิกแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต (CAC) นอกจากนั้นบริษัทดําเนินธุรกิจโดยคํานึงถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเน้นการทํากําไรที่เหมาะสมโดยมีเป้าหมายการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นตามที่ได้แจ้งไว้เมื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในเรื่องของพนักงานบริษัทมีนโยบายพัฒนาพนักงานให้เป็นคนเก่งและเป็นคนดี โดยคนเก่งจะมีหลักสูตรในการพัฒนาด้านการทําอาหารและการให้บริการแก่ลูกค้า ส่วนการเป็นคนดีบริษัทส่งเสริมให้พนักงานเป็นคนมีความซื่อสัตย์ มีน้ําใจ ต่อเพื่อนร่วมงานและมีน้ําใจในการบริการลูกค้า มีโครงการทําดี เดือนเกิด เป็นโครงการจิตอาสาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นคนดี โดยบริษัทมีเกณฑ์ในการวัดเพื่อให้มั่นใจว่า เรามีคนเก่งและคนดีทํางานกับเรา ในเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคมบริษัทมีโครงการ “ใจดีฟาร์ม” เป็นการ ช่วยเหลือผู้พิการในการปลูกเมล่อนโดยการสร้างโรงเรือนปลูกเมล่อนปลอดสารพิษ และนําผลผลิตมาใช้ในร้านและส่งเสริมให้ลูกค้าไปซื้อผลผลิต บริษัทมีนโยบายส่งเสริมเกษตรกรผู้เลี้ยงวัวโดยบริษัทซื้อเนื้อวัวจาก 3 สหกรณ์โคเนื้อหลักของประเทศเป็นหลักเพื่อความมั่นใจว่าเนื้อที่นํามาปรุงอาหารเป็นเนื้อที่มีคุณภาพ ปลอดสารเร่งเนื้อแดง บริษัทเข้าทําบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับมหาวิทยาลัยขอนแก่นในการเลี้ยงไก่ Low Uric และผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้นามาใช้กับร้านของกลุ่มบริษัททั้งหมด ซึ่งเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรโดยตรง การซื้อปลานิลจากฟาร์มซึ่งเลี้ยงปลาด้วยเกษตรอินทรีย์ปลอดจากสารเคมี รวมทั้งการใช้ผักปลอดสารพิษ ในร้านของบริษัทโดยคํานึงถึงสุขภาพของผู้บริโภคเป็นหลัก บริษัทมีนโยบายที่จะใช้ผัก ผลไม้ โดยซื้อจาก เกษตรกรที่ เป็นเกษตรอินทรีย์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ บริษัทได้งดการใช้หลอดและเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์จากพลาสติก เป็นกระดาษ โดยภาชนะที่ใช้สําหรับ delivery จะเป็นกระดาษทั้งหมด

นอกจากนี้ บริษัทได้นําแนวคิดปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาเป็นแนวทางในการดําเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

บริษัทขอขอบคุณคณะกรรมการ ผู้บริหาร พนักงานในฝ่ายสนับสนุน และขอขอบคุณเป็นพิเศษ สําหรับพนักงานหน้าร้าน และเชฟในการทําอาหารที่มีรสชาดอร่อยและบริการอย่างประทับใจ เพื่อให้ทุกท่านเห็นว่าบริษัทได้ปฏิบัติตามวิสัยทัศน์ของบริษัทคือ “เป็นองค์กรผู้นาในธุรกิจอาหารที่ได้รับความนิยมและความไว้วางใจจากลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และผู้ที่เกี่ยวข้อง”