เกี่ยวกับเรา
การเดินทางของ ZEN ถูกขับเคลื่อนด้วยจิตวิญญาณด้านการทำอาหาร และสรรหาประสบการณ์แห่งรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ ที่จะเติมเต็มความปรารถนาของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่มีรสนิยมและความคิดสร้างสรรค์อยู่ร่วมกันอย่างสมดุล บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) คือกลุ่มผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาวิชาชีพที่รักและสนใจในด้านอาหารเหมือนๆกัน ปรารถนาที่จะสรรค์สร้างความสุขให้กับผู้คนผ่านเมนูที่สร้างสรรค์
แบรนด์ของเรา
บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจด้านอาหาร มีความเชี่ยวชาญการบริหารร้านอาหาร ชั้นนำในเครือทั้งหมด 13 แบรนด์ ตลอดระยะเวลาของการดำเนินธุรกิจกว่า 30 ปี ปัจจุบันมีกว่า 349 สาขา สร้างความสำเร็จจากการขยายสาขา และผ่านธุรกิจเครือข่ายแฟรนไชส์ทั้งในและต่างประเทศ ด้วยความมุ่งมั่นจะเป็นที่หนึ่งของอุตสาหกรรมอาหารและการบริการทั่วโลกที่กำลังเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง ผ่านการรังสรรค์อาหารอันเป็นผลพวงจากจินตนาการแห่งเซ็น
ประวัติความเป็นมา
2565
2564
2563
2562
2561
2560
2559
2558
2557
2556
2555
2554
2550-2553
2536-2548
2534
- กลุ่มบริษัทฯ เข้าลงทุนในบริษัท คิง มารีน ฟู้ดส์ จำกัด ซึ่งประกอบกิจกำรเป็นผู้นำเข้า จัดหาและจำหน่ายอาหารทะเล และอาหารแปรรูป ทั้งในรูปอาหารสดและอาหารแช่แข็ง โดยกลุ่มบริษัทฯ ถือหุ้น 51% ผ่านบริษัท สไปซี่ เซ็นเนอจี้ จำกัด (SYN) การลงทุนครั้งนี้ เพื่อเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งในการช่วยลดต้นทุนสินค้าหลักของกลุ่มบริษัทฯ และเพื่อขยายธุรกิจอาหารค้าปลีกของกลุ่มบริษัทฯให้มีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ
- กลุ่มบริษัทฯ มีการขยายธุรกิจอาหารใหม่ภายใต้แบรนด์ AKA SHABU ซึ่งนำเสนอร้านอาหารญี่ปุ่นชาบูที่ต่อยอดมาจากร้านอาหารปิ้งย่าง มาพร้อมกับบรรยากาศสนุกสนาน เหมือนนั่งรับประทานอาหารช่วงเวลาพลบค่ำในเมืองชินจุกุ หรือชิบุย่า ประเทศญี่ปุ่น โดยเปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า
- กลุ่มบริษัทฯ เดินหน้าผลักดันนโยบาย ZEN CARE โดยให้ความสำคัญกับ 3P คือ Planet Care
- ใส่ใจสิ่งแวดล้อม, People Care – พัฒนาชุมชนและสังคม, Prosperity Care – พัฒนาเศรษฐกิจยั่งยืน ผ่านร้านอาหาร โดยมุ่งเน้นเรื่องการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก ลดการสร้างขยะ เพื่อคืนคุณค่าสู่สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับการรณรงค์เรื่อง ESG ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่เป็นมาตรฐานในการดำเนินธุรกิจขององค์กร
- กลุ่มบริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหุ้นยั่งยืน (THSI) ประจำปี 2565 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2ใน กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีผลคะแนนจากการตอบแบบประเมินผ่าน 50% ในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมด้วย
- กลุ่มบริษัทฯ ได้รับรางวัลองค์กรต้นแบบความยั่งยืนด้านสนับสนุนคนพิการ เป็นการจัดมอบรางวัลโดย กลต. เป็นปีแรก อันเป็นผลจากการที่กลุ่มบริษัทฯ จัดให้มีพนักงานพิการเข้าทำงานในบริษัททั้งที่หน้าร้านสาขาและที่สำนักงานใหญ่ รวมทั้งมีการสนับสนุนชุมชนคนพิการด้วย
- กลุ่มบริษัทฯ ได้รับคะแนนการกำกับดูแลกิจการ (CG) ประจำปี 2565 ในระดับ “ดีเลิศ” หรือ 5 ดาว เป็นปีที่ 2 จากการประเมินโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD)
- เพื่อขยายธุรกิจค้าปลีก บริษัทฯ ได้เข้าลงทุนในบริษัท เซ็น แอนด์ โกสุม อินเตอร์ฟู้ดส์ จำกัด (ZEN and Kosum Interfoods Co.,Ltd หรือ ZKC) โดยบริษัทฯ ถือหุ้น 51% ผ่านบริษัท เซ็น แอนด์ สไปซี่ จำกัด การร่วมทุนครั้งนี้ ถือเป็นการขยายธุรกิจครั้งสำคัญของ ZCG โดยบริษัทร่วมทุนดังกล่าวจะเป็นฐานการผลิตหลัก เพื่อรองรับแผนงานขยายธุรกิจอาหารและค้าปลีกของบริษัทฯ อย่างเต็มรูปแบบทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยครอบคลุมทั้งการผลิตครื่องปรุงรสต่างๆ ทั้งที่ทำตลาดอยู่แล้วในปัจจุบัน อาทิ น้ำปลาร้า, น้ำจิ้ม, น้ำยำ, แจ่วบอง ฯลฯ และที่จะพัฒนาเพิ่มเติมในอนาคต อาทิ น้ำปลาร้า (ผสมกัญชา) ฯลฯ โดยการรับจ้างผลิต (OEM) ให้แก่ผู้ประกอบการในไทยและต่างประเทศ ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตอีกมาก และวางแผนขยายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ
- เพื่อขยายธุรกิจค้าปลีก บริษัทฯ ได้เข้าลงทุนในบริษัท เซ็น แอนด์ โกสุม อินเตอร์ฟู้ดส์ จำกัด (ZEN and Kosum Interfoods Co.,Ltd หรือ ZKC) โดยบริษัทฯ ถือหุ้น 51% ผ่านบริษัท เซ็น แอนด์ สไปซี่ จำกัด การร่วมทุนครั้งนี้ ถือเป็นการขยายธุรกิจครั้งสำคัญของ ZCG โดยบริษัทร่วมทุนดังกล่าวจะเป็นฐานการผลิตหลัก เพื่อรองรับแผนงานขยายธุรกิจอาหารและค้าปลีกของบริษัทฯ อย่างเต็มรูปแบบทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยครอบคลุมทั้งการผลิตครื่องปรุงรสต่างๆ ทั้งที่ทำตลาดอยู่แล้วในปัจจุบัน อาทิ น้ำปลาร้า, น้ำจิ้ม, น้ำยำ, แจ่วบอง ฯลฯ และที่จะพัฒนาเพิ่มเติมในอนาคต อาทิ น้ำปลาร้า (ผสมกัญชา) ฯลฯ โดยการรับจ้างผลิต (OEM) ให้แก่ผู้ประกอบการในไทยและต่างประเทศ ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตอีกมาก และวางแผนขยายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ
- ร้านอาหารทุกแบรนด์ในเครือได้รับสัญลักษณ์การรับรองมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย “SHA” (Amazing Thailand Safety & Health Administration ) จากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กระทรวงสาธารณะสุข โดยกรมควบคุมโรคและกรมอนามัย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในการใช้บริการร้านอาหารของกลุ่มบริษัทฯ
- ได้รับ 3 รางวัล "Thailand Franchise Award 2021" จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยแบรนด์เขียง ได้รางวัล "สุดยอดแฟรนไชส์ไทยดาวรุ่ง" (Franchise Shining Star), แบรนด์ตำมั่ว ได้ 2 รางวัล “แฟรนไชส์ไทยอาหารยอดเยี่ยม” (Best Food Franchise) และ “แฟรนไชส์ไทยขนาดใหญ่ยอดเยี่ยม” (Best Large Franchise) แสดงถึงการมีมาตรฐานคุณภาพการบริหารจัดการระบบธุรกิจแฟรนไชส์ของกลุ่มบริษัทฯ
- ได้รับคัดเลือกให้เป็น "หุ้นยั่งยืน" ปี 2564 หรือ Thailand Sustainability Investment (THSI) ปี 2564 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จากความมุ่งมั่นในการพัฒนาการดำเนินธุรกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน สร้างความสมดุลระหว่างการดำเนินธุรกิจ ความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตลอดจนสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล
- ได้รับคะแนนการกำกับดูแลกิจการ (Corporate Governance หรือ CG) ระดับ "ดีเลิศ" หรือ 5 ดาว ในปี 2564 จากการประเมินโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD)
- ในเดือนตุลาคม กลุ่มบริษัทฯได้นำเสนอแบรนด์ใหม่ “เขียงแกงใต้” ซึ่งเป็นแบรนด์ย่อยของเขียงในรูปแบบอาหารใต้ที่มีรสจัด และมีหลากหลายเมนู เช่น แกงไตปลา คั่วกลิ้งหมูสับ แกงส้มมะละกอกุ้ง และแกงคั่วกระดูกหมู เป็นต้น โดยได้เปิดสาขาแรกที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. เมืองทองธานี
- กลุ่มบริษัทฯได้เริ่มจัดตั้งสาขาในรูปแบบ Cloud Kitchen เพื่อเสริมสร้างการขยายธุรกิจผ่านช่องทาง Delivery ในการขยายจุดให้บริการ และลดความเสี่ยงจากการถูกสั่งปิดร้านอาหารในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยในปัจจุบันมีการเปิดสาขาในรูปแบบ Cloud Kitchen ไปแล้วกว่า 3 แห่ง
- กลุ่มบริษัทฯได้ จัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ “บริษัท กินดีอยู่ดี 2020 จำกัด” เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 ด้วยทุนจดทะเบียน 30.0 ล้านบาท โดยกลุ่มบริษัทฯ ถือหุ้น 25% ผ่านบริษัท เซ็น แอนด์ สไปซี่ จำกัด เพื่อขยายร้านอาหารแบรนด์เขียงใน 14 จังหวัดภาคใต้ให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ZRH ได้ลดทุนจดทะเบียนจำนวน 225.0 ล้านบาทจากทุนจดทะเบียนจำนวน 300.0 ล้านบาท โดยมีทุนจดทะเบียนคงเหลือจำนวน 75.0 ล้านบาท
- เดือนมีนาคม 2562 กลุ่มบริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจ Zen Box เพื่อเป็นการตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคอันรีบเร่ง ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคบางนา โดยมีคอนเซ็ปต์อาหารแบบ Grab and Go เน้นอาหารมีประโยชน์เพื่อสุขภาพที่ดีในวิถีชีวิตอันเร่งด่วน เมนูส่วนใหญ่ประกอบด้วยปลา และผักสดหลากชนิด อาทิ Maki Wrap สลัด โอนิกิริต่างๆ และโอนิแซนวิช และเปิดให้บริการสาขา 2 ที่สามย่านมิตรทาวน์
- ในเดือนพฤศจิกายน กลุ่มบริษัทฯ เปิดบริการแบรนด์ฟู เฟเวอร์ (FOO Flavor) ร้านคาเฟ่คอนเซ็ปต์ไทยฟิวชั่น โดยเปิดให้บริการ 2 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ชั้น 4 และเอ็มควอเทียร์ ชั้น 7
- ในเดือนธันวาคม กลุ่มบริษัทฯ เปิดบริการแบรนด์ดินส์ (Din’s) อาหารจีนจานด่วน ไสตล์นีโอไต้หวัน ครั้งแรกในประเทศไทยกับเมนู “เสี่ยวหลงเปาติดปีก” ที่มีเฉพาะร้านดินส์เท่านั้น โดยสาขาแรกเปิดให้บริการที่ สามย่านมิตรทาวน์ ชั้น จี
- ในเดือนมกราคมที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ZRH มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 270,000,000.0 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 2,700,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 100.0 บาท และเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติเรื่องดังกล่าว
ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของ ZCG ครั้งที่ 1/2561 เมื่อวันที่ มีมติอนุมัติให้ดำเนินการดังต่อไปนี้
- แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด ภายใต้ชื่อ บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
- เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ จากหุ้นละ 10.0 บาท เป็นหุ้นละ 1.0 บาท
- บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 159,375,000.0 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 159,375,000.0 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1.0 บาท โดยบริษัทฯ แบ่งการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน ดังนี้
- หุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 84,375,000 หุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ (Right Offering) ทั้งนี้การชำระค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนในส่วนนี้ ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว เมื่อวันที่ และ
- หุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ จำนวน 75,000,000 หุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (Initial Public Offering (IPO))
- ทั้งนี้ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะมีทุนจดทะเบียนเป็นจำนวน 300,000,000.0 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 300,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1.0 บาท
- ในเดือนธันวาคม กลุ่มบริษัทฯ นำเสนอร้านอาหารไทยแบรนด์ใหม่ ภายใต้แบรนด์เขียง ซึ่งเน้นรูปแบบอาหารจานเดียว ที่เป็นอาหารตามสั่งยอดนิยมของไทย เช่น ข้าวผัดกระเพรา ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ ผัดซีอิ๊ว เป็นต้น โดยได้เปิดร้านเขียงสาขาแรกที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท. เจษฎาบดินทร์ จ.นนทบุรี
- กลุ่มบริษัทฯ ได้เข้าซื้อกิจการของร้านอาหารญี่ปุ่นแบบพรีเมี่ยมภายใต้แบรนด์ Sushi Cyu จำนวน 2 สาขา เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าระดับบน โดยเข้าซื้อทรัพย์สินหลักในการประกอบธุรกิจ ภายใต้การดำเนินงานของ GGG
ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นของบริษัทที่เป็นเจ้าของร้าน Sushi Cyu ทั้ง 2 สาขาได้ให้คำรับรองเป็นลายลักษณ์อักษรว่าภายในระยะเวลา 5 ปีนับแต่วันที่ทำสัญญาซื้อขายธุรกิจ จะไม่ทำการประกอบธุรกิจในลักษณะเดียวกัน หรือ คล้ายคลึงกัน อันมีลักษณะที่เป็นการแข่งขันกับกิจการของ Sushi Cyu
- กลุ่มบริษัทฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนเมนูอาหารญี่ปุ่นและนำเสนอร้านอาหารญี่ปุ่นขนาดเล็ก ภายใต้แบรนด์ Musha by Zen ภายใต้การดำเนินงานของ ZRH เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงระดับล่าง และเพื่อเป็นการเปิดโอกาสและเพิ่มความคล่องตัวในการทำธุรกิจแฟรนไชส์
- เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางในการสร้างการเติบโตของรายได้และเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคให้มากขึ้น กลุ่มบริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจการบริการเกี่ยวกับการให้บริการร้านอาหาร เช่น การบริการจัดส่งอาหาร (Delivery) การบริการจัดเลี้ยง (Catering) รวมถึงการให้บริการบริหารร้านอาหาร (Restaurant Management) และการให้บริการที่ปรึกษาเกี่ยวกับร้านอาหาร (Restaurant Consultancy) สำหรับผู้ประกอบกิจการร้านอาหารที่ต้องการสร้างระบบการบริหารร้านอาหารที่ได้มาตรฐาน หรือ ประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจ และธุรกิจอาหารค้าปลีกสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมปรุง (Ready-to-Cook) และผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทาน (Ready-to-Eat) ตามหน้าสาขาร้านอาหารของกลุ่มบริษัทฯ
- ZCG เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 5.6 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 562,500 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10.0 บาท ส่งผลให้ทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น 140.6 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการซื้อธุรกิจร้านอาหารไทยกลุ่มแบรนด์ตำมั่ว
- เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกระดับและเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง (Diversify) ในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงเพื่อเป็นการสร้างรากฐานในการขยายธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจแฟรนไชส์ กลุ่มบริษัทฯ จึงได้เข้าซื้อกิจการในเครือแบรนด์ตำมั่ว ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจแฟรนไชส์ร้านอาหารไทยอีสาน ซึ่งประกอบด้วยแบรนด์ ตำมั่ว ลาวญวน เฝอ แจ่วฮ้อน ข้าวมันไก่คุณย่า ครัวไท เทปปัน และโคอุน โดยเข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของ SYN และ ZPC จากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม ส่งผลให้ภายหลังการซื้อกิจการ ZCG ถือหุ้นใน SYN และ ZPC ในสัดส่วนร้อยละ 100.0
- บริษัทฯ จัดตั้ง ZSM ขึ้นเมื่อวันที่ ด้วยทุนจดทะเบียน 70.0 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 700,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.0 บาท เพื่อทำหน้าที่บริหารจัดการระบบซัพพลายเชน (Supply Chain) ให้กับสาขาร้านอาหารภายใต้แบรนด์ของกลุ่มบริษัทฯ
- AKF ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 30.0 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญจำนวน 300,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.0 บาท ส่งผลให้มีทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น 80.0 ล้านบาท เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างทางธุรกิจและการขยายสาขา
- OTT ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 17.0 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญจำนวน 170,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.0 บาท ส่งผลให้มีทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น 25.0 ล้านบาท เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างทางธุรกิจและการขยายสาขา
- กลุ่มผู้ถือหุ้นได้จัดตั้ง ZCG หรือ บริษัทฯ ขึ้นเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2557 ด้วยทุนจดทะเบียนจำนวน 135.0 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 13,500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10.0 บาท เพื่อประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) และได้มีการปรับโครงสร้างการถือหุ้นของกลุ่มบริษัทฯ โดย ZCG ได้เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ ZRH AKF OTT และ GGG จากผู้ถือหุ้นเดิม ส่งผลให้ภายหลังการปรับโครงสร้างการถือหุ้นดังกล่าว ZCG ถือหุ้นในบริษัทย่อยทั้ง 4 บริษัท ในสัดส่วนร้อยละ 100.0
- กลุ่มบริษัทฯ ดำเนินการเปิดร้านอาหารปิ้งย่างแบบพรีเมี่ยมภายใต้แบรนด์ Tetsu แห่งแรก ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ ภายใต้การดำเนินงานของ GGG
- AKF ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 20.0 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญจำนวน 200,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.0 บาท ส่งผลให้มีทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น 50.0 ล้านบาท เพื่อรองรับการปรับโครสร้างทางธุรกิจและการขยายสาขา
- GGG ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 18.0 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญจำนวน 180,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.0 บาท ส่งผลให้มีทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น 30.0 ล้านบาท เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างทางธุรกิจและการขยายสาขา
- ZRH ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 29.0 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญจำนวน 290,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.0 บาท ส่งผลให้มีทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น 30.0 ล้านบาท เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างทางธุรกิจและการขยายสาขา
กลุ่มผู้ถือหุ้นได้ดำเนินการปรับโครงสร้างทางธุรกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความชัดเจนในการดำเนินธุรกิจ โดย
- จัดตั้ง ZRH ขึ้นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2554 ด้วยทุนจดทะเบียน 1.0 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 10,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.0 บาท เพื่อประกอบธุรกิจร้านอาหารภายใต้แบรนด์ ZEN และ ZRH ได้ทยอยซื้อทรัพย์สินหลักในการประกอบธุรกิจของบริษัทที่เป็นสาขาร้านอาหารภายใต้ แบรนด์ ZEN ทั้งหมดเข้ามารวมอยู่ภายใต้การดำเนินงานของ ZRH
- จัดตั้ง OTT ขึ้นเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2554 ด้วยทุนจดทะเบียน 8.0 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 80,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.0 บาท เพื่อประกอบธุรกิจร้านอาหารภายใต้แบรนด์ On the Table และ OTT ได้ทยอยซื้อทรัพย์สินหลักในการประกอบธุรกิจของบริษัทที่เป็นสาขาร้านอาหารภายใต้ แบรนด์ On the Table ทั้งหมดเข้ามารวมอยู่ภายใต้การดำเนินงานของ OTT
- จัดตั้ง GGG ขึ้นเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2554 ด้วยทุนจดทะเบียน 12.0 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 120,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.0 บาท เพื่อประกอบธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นแบบพรีเมี่ยม และ GGG ได้ทยอยซื้อทรัพย์สินหลักในการประกอบธุรกิจของบริษัทที่เป็นสาขาร้านอาหารญี่ปุ่นแบบ พรีเมี่ยม ทั้งหมดเข้ามารวมอยู่ภายใต้การดำเนินงานของ GGG
- จัดตั้ง AKF ขึ้นเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2554 ด้วยทุนจดทะเบียน 30.0 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 300,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.0 บาท เพื่อประกอบธุรกิจร้านอาหารภายใต้แบรนด์ AKA และ AKF ได้ทยอยซื้อทรัพย์สินหลักในการประกอบธุรกิจของบริษัทที่เป็นสาขาร้านอาหารภายใต้ แบรนด์ AKA ทั้งหมดเข้ามารวมอยู่ภายใต้การดำเนินงานของ AKF
- จากการขยายสาขาร้านอาหารญี่ปุ่นภายใต้แบรนด์ ZEN อย่างต่อเนื่อง ในปี 2550 กลุ่มบริษัทฯ ได้พิจารณาขยายประเภทร้านอาหารญี่ปุ่นให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้นและเพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้า จึงเปิดบริการร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น (Yakiniku) ภายใต้แบรนด์ AKA แห่งแรก ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ และในปีเดียวกัน กลุ่มบริษัทฯ ได้ขยายร้านอาหารภายใต้แบรนด์ AKA อีกจำนวน 2 สาขา ได้แก่ สาขารอยัล การ์เด้น พัทยา และสาขาศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า พระราม 2
- ต่อมาในปี 2552 กลุ่มบริษัทฯ ได้นำเสนอร้านอาหารไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ในสไตล์ “โตเกียว คาเฟ่” ภายใต้แบรนด์ On the table สาขาแรก ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์
- จากความสำเร็จของร้านอาหารญี่ปุ่นภายใต้แบรนด์ ZEN สาขาแรก กลุ่มบริษัทฯ จึงมีการขยายสาขา ZEN อย่างต่อเนื่อง และในปี 2546 บริษัทฯ เล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจในพื้นที่ต่างจังหวัดที่มีกำลังการซื้อและความต้องการบริโภคอาหารญี่ปุ่นที่สูงขึ้น จึงได้มีการขยายสาขาไปต่างจังหวัด โดยสาขา ZEN แห่งแรกในต่างจังหวัด ได้แก่ สาขาที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า แอร์พอร์ต เชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
- กลุ่มผู้ถือหุ้นได้เล็งเห็นโอกาสในการบุกเบิกตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมี่ยมในประเทศไทย จึงได้เปิดร้านอาหารญี่ปุ่นร้านแรก ภายใต้แบรนด์ ZEN ที่ซอยทองหล่อ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกตลาดอาหารญี่ปุ่นรายแรก ๆ ของประเทศไทย ที่มุ่งเน้นในการนำเสนออาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ด้วยวัตถุดิบระดับพรีเมี่ยม และการบริการที่มีคุณภาพดี สำหรับกลุ่มลูกค้าระดับบน
โครงสร้างองค์กร
วิสัยทัศน์
กลุ่มบริษัทฯ มีวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจ คือ
“เป็นองค์กรผู้นำในธุรกิจอาหารที่ได้รับความนิยมและความไว้วางใจจากลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และผู้ที่เกี่ยวข้อง”
พันธกิจ
กลุ่มบริษัทฯ มีพันธกิจหลักที่สำคัญ 4 ประการที่จะส่งมอบให้กับกลุ่มบุคคลที่เป็นเสาหลักของธุรกิจ 4 กลุ่ม ซึ่งได้แก่ ผู้บริโภค พนักงาน สังคมและสิ่งแวดล้อม และผู้ถือหุ้น ดังนี้
- ผู้บริโภค : การส่งมอบอาหารที่มีรสชาติความอร่อยอันเป็นเอกลักษณ์จากวัตถุดิบคุณภาพ ด้วยบริการที่ยอดเยี่ยมเพื่อสร้างประสบการณ์และความพึงพอใจที่สูงสุดให้แก่ผู้บริโภค
- พนักงาน : การปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรที่ให้เกียรติและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของพนักงานทุกคน เพราะกลุ่มบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าการทำงานอย่างมีความสุขจะเสริมสร้างแรงบันดาลใจและคุณภาพชีวิตที่ดีแก่พนักงานของกลุ่มบริษัทฯ
- สังคมและสิ่งแวดล้อม : การยึดมั่นปฏิบัติตามนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดี และมุ่งมั่นต่อการมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
- ผู้ถือหุ้น : การเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้น โดยการสร้างผลตอบแทนที่เติบโตและยั่งยืน
เป้าหมายในการดำเนินธุรกิจ
กลุ่มบริษัทฯ มีเป้าหมายในการดำเนินงาน เพื่อเป็นผู้นำของประเทศในธุรกิจด้านบริการร้านอาหาร (“Food Service”)
ภาพรวมการประกอบธุรกิจ
บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ ZCG”) ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่น ผ่านการดำเนินงานของบริษัทย่อย ซึ่งประกอบด้วย บริษัท เซ็นเรสเตอร์รองโฮลดิ้ง จำกัด (“ZRH”), บริษัท อากะอินเตอร์ฟู้ดส์จำกัด (“AKA”), บริษัท กิวกริลกรุ๊ป จำกัด (“GGG”), บริษัท สไปซ์ ซินเนอจี้ จำกัด (“SYN”), บริษัท โตเกียวคอนเซปท์ จำกัด (“OTT”), บริษัท เซ็น แอนด์ สไปซี่ จำกัด (“ZPC”), บริษัท เซ็น ซัพพลาย เชน แมเนจเม้นท์จำกัด (“ZSM”),บริษัท เซ็น แอนด์ โกสุม อินเตอร์ฟู้ดส์ จำกัด (“ZKC”), บริษัท คิง มารีน ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆ โดยมีกลุ่มธุรกิจหลัก ดังนี้
ธุรกิจร้านอาหารภายใต้แบรนด์ของกลุ่มบริษัทฯ กลุ่มบริษัทฯมีแบรนด์ร้านอาหารภายใต้การดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ จำนวนทั้งสิ้น 13 แบรนด์ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่น จำนวน 7 แบรนด์ และกลุ่มแบรนด์ร้านอาหารไทย จำนวน 6 แบรนด์ ได้แก่ ZEN, ZENBOX, AKA, On the Table Tokyo café, Tetsu, Sushi Cyu Carnival Yakiniku, Din’s, ตำมั่ว, ลาวญวน, เฝอ, de Tummour, เขียง, เขียงแกงใต้
ธุรกิจแฟรนไชส์ภายใต้แบรนด์ของกลุ่มบริษัทฯ ระบบแฟรนไชส์ของกลุ่มบริษัทฯ นั้น มีอยู่ 2 แบบหลัก ได้แก่ (1) กลุ่มบริษัทฯ เป็นผู้เลือก แบรนด์ร้านอาหารของกลุ่มบริษัทฯ รวมถึงทำเลที่ตั้ง และนำเสนอให้กับแฟรนไชส์ซีพิจารณา และ (2) แฟรนไชส์ซีเป็นผู้เลือกแบรนด์ร้านอาหารของกลุ่มบริษัทฯ รวมถึงทำเลที่ตั้ง และนำเสนอให้กับกลุ่มบริษัทฯ พิจารณา ถึงความเหมาะสมของทำเลที่ตั้งดังกล่าว
ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่น ได้แก่ (1) ธุรกิจการบริการจัดส่งอาหาร (Delivery) และการบริการจัดเลี้ยง (Catering) (2) ธุรกิจการให้บริการบริหารร้านอาหาร (Restaurant Management) และการให้บริการที่ปรึกษาเกี่ยวกับร้านอาหาร (Restaurant Consultancy) และ (3) ธุรกิจอาหารค้าปลีก เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมปรุง (Ready-to-Cook) และผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทาน (Ready-to-Eat) เป็นต้น
จุดแข็งและข้อได้เปรียบในการแข่งขันของกลุ่มบริษัทฯ
กลุ่มบริษัทฯ มีการพัฒนาแบรนด์ร้านอาหารอย่างต่อเนื่องส่งผลให้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักและได้รับการยอบรับอย่างยาวนาน
กลุ่มบริษัทฯ มีแบรนด์ร้านอาหารที่หลากหลายและครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง รวมทั้งมีการขยายเข้าสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่น เพื่อการเติบโตในระยะยาว
กลุ่มบริษัทฯ สามารถขยายสาขาได้อย่างกว้างขวาง ผ่านรูปแบบการลงทุนเป็นเจ้าของสาขา และรูปแบบแฟรนไชส์ ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงจากการลงทุนโดยรวมและสร้างผลกำไรอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มบริษัทฯ มีความสัมพันธ์อันดีและยาวนานกับคู่ค้าและลูกค้า
กลุ่มบริษัทฯ มีทีมวิจัยและพัฒนา และทีมธุรกิจใหม่ที่มีประสิทธิภาพ
กลุ่มบริษัทฯ มีทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ยาวนานในอุตสาหกรรมร้านอาหาร